วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วางแผน สคริปต์พิธีการ ไม่ให้พลาด

การเตรียมการในด้านพิธีการงานแต่งงาน นั้น เป็นสิ่งสำคัญมากทีเดียวค่ะ เพื่อให้งานแต่งงานนั้นเป็นไปด้วยความราบรื่นและสร้างบรรยาศของความหวานชื่นให้กับคู่บ่าวสาว โดยเริ่มต้นจาก

พิธีกร

ควรจะมีพิธีกร 1-2 คน เท่านั้น พิธีกรมีหน้าที่ ลำดับพิธีการและขั้นตอน ซึ่งพิธีการในงานเลี้ยงฉลองแต่งงานนั้นไม่มีมาก การพูดควรพูดประมาณ 5- 6 ประโยค และโดยธรรมชาติแล้ว ถึงแม้พิธีกรจะตื่นเต้นแต่ก็มีสคริปต์ แต่คนที่ตื่นเต้นกว่าบนเวทีตอนนั้น คือ เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ค่ะ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก่อนหลังดี บางคู่ก็นิ่งอยู่นานกว่าจะพูดออก

ตำแหน่งของพิธีกรบนเวที ยืนอยู่ด้านข้างใดข้างหนึ่ง ไม่ควรเดินเข้ามาอยู่กับบ่าวสาว เพื่อให้ความสำคัญกับบ่าวสาวจริงๆ ถ้าจะเดินเข้าใกล้บ่าวสาวบ้าง ก็ทำได้หลังจากที่บ่าวสาวกล่าวขอบคุณแขกเรียบร้อยแล้ว และอาจมีการพูดคุยสัมภาษณ์กันเล็กน้อยก่อนตัดเค้ก

ลำดับขั้นตอนพิธีการ

ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่ในงานแต่งงานจะมีการฉายพรีเซ็นเทชั่นกันเกือบทุกงาน ควรใช้ไฟในการเริ่มฉาย คือ หรี่ไฟลงจนกระทั้วไฟมืดสนิท ทิ้งไว้สัก 5 วินาที จากนั้นจึงเริ่มฉายพรีเซ็นเทชั่น

พิธีกรไม่ควรขึ้นไปพูดกล่าวต้อนรับและเชิญชวนแขกชมพรีเซ็นเทชั่น เพราะ ไม่ว่าจะในงานเลี้ยงแบบไหนก็แล้วแต่ (ค็อกเทลหรือโต๊ะจีน) ตอนที่พิธีกรขึ้นไปกล่าวต้อนรับนั้น แขกมักไม่รู้ตัวและไม่สนใจมองไปที่เวที บางทีพิธีกรกล่าวคำว่า “สวัสดีค่ะ/ครับ” อยู่สัก 3 – 4 แขกยังไม่รู้ตัวเลยด้วยเสียงของแขกในงานดังกว่า

และควรให้คู่บ่าวสาวขึ้นเวทีก่อนคนอื่นๆ ดีกว่า และเมื่อมีการฉายพรีเซ็นเทชั่นในงานระหว่างที่บ่าวสาวค่อยๆ เดินมาอยู่ใกล้เวทีหน่อย เมื่อพรีเซ็นเทชั่นจบก็ฉายไฟฟอลโลว์ไปที่บ่าวสาว และให้เดินขึ้นเวทีโดยไม่ต้องเปิดเพลง เพราะมีเพลงในพรีเซ็นเทชั่นแล้วก็ควรจะทิ้งช่วงไว้สำหรับเพลงตัดเค้ก ซึ่งจะต้องเป็นเพลงที่เด่นที่สุด หรืออาจฟอลโลว์ไฟไปที่บ่าวสาวให้เดินขึ้นเวที โดยใช้เพลงหนึ่งเพลงสำหรับวอล์คอิน เมื่อบ่าวสาวเดินขึ้นเวทีและพิธีกรเดินตามขึ้นมาด้วยประโยคที่ว่า “ขอเสียงปรบมือต้อนรับให้กับคู่บ่าวสาวด้วยครับ/ค่ะ “

จุดที่จะยืนบนเวทีของคู่บ่าวสาวคือตรงกลาง ตรงนี้บ่าวสาวหลายคนจะเบลอหรืองง เพราะว่าตื่นเต้นแต่ พิธีกร ต้องช่วยดูให้เรียบร้อย จากนั้นพิธีกรก็เริ่มดำเนินพิธีการต่อดังนี้

- กล่าวต้อนรับแขกที่มาในงานเช่น
- กล่าวเชิญผู้ใหญ่ที่จะขึ้นมาอวยพรบ่าวสาวรวมถึงกล่าวขอบคุณเมื่อท่านอวยพรเสร็จแล้ว
- กล่าวเชิญคู่บ่าวสาวกล่าวขอบคุณแขก
- สัมภาษณ์ (ถ้ามี)
- กล่าวเชิญบ่าวสาวตัดเค้ก

ตัวอย่างประโยคอย่างเป็นทางการของแต่ละหัวข้อหรืออาจปรับใช้กันตามความเหมาะสมนะคะ

กล่าวต้อนรับแขก

“ขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมในงานเลี้ยงฉลองสมรสของคุณ........................... เจ้าบ่าวและเจ้าสาวในวันนี้” กล่าวเชิญผู้ใหญ่ “ขอกราบเรียนเชิญ .......................................บนเวทีเพื่อ (คล้องมาลัยถ้ามี) กล่าวอวยพรให้แก่คู่บ่าวสาวในวันนี้ ขอกราบเรียนเชิญครับ/ค่ะ” เมื่อผู้ใหญ่ท่านดังกล่าวเดินลงจากเวทีพิธีกรกล่าวขอบคุณ “ขอขอบคุณ............................................ มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ/ค่ะ”

หากมีผู้ใหญ่ที่จะขึ้นมากล่าวอีกก็ทำซ้ำเหมือนเดิมค่ะ โดยขอแนะนำ ให้ผู้ใหญ่ที่จะขึ้นกล่าวบนเวทีที่แจ๋วที่สุดเลยคือ 1 -2 คนเท่านั้น อย่าให้มากกว่านี้

กล่าวเชิญบ่าวสาวขอบคุณแขก

“ จากนี้ไปขอเชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาวกล่าวขอบคุณแขกที่มาในงานครับ/ค่ะ”

เราจำเป็นต้องกล่าวขอบคุณผู้ใหญ่ที่ขึ้นมาอวยพรก่อน จากนั้นค่อยขอบคุณแขกอื่นๆรวมถึงขอบคุณใครก็ตามที่เราอยากขอบคุณ เช่น คุณพ่อคุณแม่อย่างที่ชอบทำ

แล้วจึงสัมภาษณ์บ่าวสาว ใครจะพูดก่อนหรือหลังก็ได้นะคะ สัมภาษณ์ ช่วงนี้หากพิธีกรจะขยับเข้ามาใกล้บ่าวสาวมากขึ้นก็ได้เพื่อความผ่อนคลาย แต่อย่าสัมภาษณ์นานเกินจนน่าเบื่อ

หลังจากนั้นตัดเค้ก ประโยคง่ายๆ เช่น

“บัดนี้ก็ได้เวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้ว ขอเชิญบ่าวสาวทำพิธีตัดเค้กฉลองสมรสครับ/ค่ะ”

ช่วงนี้บ่าวสาวควรรอให้เพลงตัดเค้กที่เราเลือกใช้เริ่มขึ้นมาก่อนแล้วจึงเริ่มเดินนะคะ จากนี้พิธีกรก็ถอยตัวลงมาจากเวทีได้เลย ไม่ต้องมีประโยคร่ำลาใดๆครับ กระบวนการทั้งหมดจากนี้ขอให้บ่าวสาวทำทุกอย่างช้าลงจากปกติครึ่งจังหวะค่ะ

เมื่อตัดเค้กแล้วบ่าวสาวก็น่าจะกินเค้กชิ้นแรกบนเวทีเค้กนั้น ผลัดกันป้อนคนละคำก็น่ารักดีนะคะ หรือจะไม่ทำก็ได้

ขั้นตอนต่อไปคือการนำเค้กไปให้ผู้ใหญ่ที่ขึ้นเวทีมาพูดตามลำดับ แล้วจึงนำไปให้คุณพ่อคุณแม่ ฝ่ายใดก่อนก็ได้ ส่วนจะนำไปให้ญาติผู้ใหญ่ท่านใดในงานอีกบ้างก็ตามอัธยาศัยนะคะ

วันนี้ เตรียมตัวก่อนแต่งงานด้วยคอร์สเจ้าสาว รับแพคเกจสปาราคาพิเศษ ก่อน 31 มี.ค. 53 นี้

ติดต่อ คุณอาภาภัทร
มือถือ 08-4611-8815 อีเมล์ sales@baansingkham.com

ห้องพักหรู Deluxe Jacuzzi บ้านสิงห์คำรีสอร์ท

ห้องพักบ้านสิงห์คำรีสอร์ท มีหลายห้องให้ท่านได้เลือกพักในบรรยากาศแบบต่างๆ วันนี้ลองมาดูบรรยากาศห้องพักหรู Deluxe Jacuzzi ในมุมต่างๆนะคะ


บรรยากาศในยามค่ำคืน ด้านหน้าห้องพัก ก่อนเข้าห้องพักลองนั่งพักเหนื่อยกับการเดินทางตลอดทั้งวันที่เก้าอี้โบราณ แบบล้านนา ประตูห้องพักทำด้วยไม้อายุกว่า 40 ปี พร้อมห้องสว่างสไวด้วยโคมไฟผ้า แบบล้านนาอีกเหมือนกัน


หลังจากพักเหนื่อยแล้ว เข้าชมในห้องพัก มีเตียงไม้โบราณ บรรยากาศล้านนา มีหน้าต่างแบบล้านนาโบราณแท้บานเลื่อน สถาปัตยกรรมที่ยังคงไว้ ให้ผู้พักได้ย้อนอดีตในแบบล้านนา

ในห้องพักมีห้องน้ำJacuzzi และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ห้องน้ำประดับประดาด้วยบรรยากาศธรรมชาติ มีอ่าง Jacuzzi ให้นอนแช่น้ำพักเหนื่อยจากการเดินทาง มีเตียงสปา ส่วนตั๊วส่วนตัว ให้ได้นวดผ่อนคลายทั้ง สครับตัว นวดน้ำมัน นวดโบราณ
ราคาห้องพักรวมค่าบริการและอาหารเช้า
ประเภทห้องพัก
  • Standard Room พักเดี่ยวและพักคู่ ราคา 2000 บาท
  • Superior Room พักเดี่ยวและพักคู่ ราคา 2500 บาท
  • Deluxe Room พักเดี่ยวและพักคู่ ราคา 3000 บาท
  • Singkham Suite พักเดี่ยวและพักคู่ ราคา 5000 บาท
บริการรถรับ ส่ง สนามบิน สนามบิน - โรงแรม ท่านละ 200 บาท
ด่วน จองห้องพัก วันนี้ถึง 30 ก.ย. 52 รับห้องพักราคาพิเศษ และ Gift Voucher คอร์สสปา 1 คอร์ส ฟรี

ติดต่อ คุณอาภาภัทร
มือถือ 08-4611-8815 อีเมล์ sales@baansingkham.com

ประเพณีแต่งงานแบบไทย

คนไทยถือว่าการแต่งงานต้องได้รับความเห็นชอบจากพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายและการที่จะไปขอลูกสาวใครแต่งงานต้องให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงยินยอม จึงต้องมีการทาบทาม สู่ขอ และหมั้นหมายกันไว้ก่อนที่จะมีการแต่งงานเกิด

เฒ่าแก่ทาบทาม

ในสมัยก่อนผู้หญิงผู้ชายไม่มีโอกาสคบหากันอย่างอิสระอย่างสมัยนี้ เมื่อชายต้องการแต่งงานกับลูกสาวบ้านไหนจึงต้องแต่งผู้ใหญ่ไปทาบทาม หากฝ่ายหญิงมีท่าทีไม่ไม่รังเกียจจึจะจัดผู้ใหญ่ไปสู่ขออีกครั้ง

ในขั้นตอนนี้ฝ่ายหญิงอาจจะขอวันเดือนปีเกิดฝ่ายชายไปตรวจดู ถ้าไม่อยากสานสัมพันธ์กับฝ่ายขายด้วยเหตุผลใดก็ตาม จะได้มีข้ออ้างว่าดวงไม่สมพงษ์กัน

ฤกษ์ยาม

ฤกษ์ยามที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานนี้มีตั้งแต่ฤกษ์ยกขันหมาก สู่ขอ ฤกษ์หมั้น ฤกษ์รดน้ำ ส่งตัวและฤกษ์เรียงหมอนการหาฤกษ์จะดูทั้งวัน เดือน ปีที่สมพงษ์กับคู่แต่งงาน

คนไทยนิยมแต่งงานเดือนคู่ตามปฏิทินจันทรคติ ยกเว้นเดือนสิบสองเพราะถือว่าเป็นฤดูที่สัตว์มีคู่ วันสิบสองค่ำทั้งข้างขึ้นข้างแรมโบราณห้ามแต่งเพราะถือว่าเป็น “วันจม” วันอังคารและวันเสาร์ถือว่าเป็น “วันแรง” วันพุธก็เป็นวันสุนัขนามไม่ดี วันพฤหัสบดีไม่เหมาะอีกเพราะในตำนานฮินดูนั้นลูกสาวพระพฤหัสบดีแต่งงานไปแล้วมีชู้ วันที่เหมาะจะแต่งงานคือวันศุกร์ เพราะมีเสียงพ้องกับ “สุข”

และถ้าได้วันที่เป็นอธิบดีและวันธงชัยก็ยิ่งดี แต่วันที่ดีเลิศนั้นมีไม่กี่วันในหนึ่งปี คู่ที่ไม่อยากรอนานจึงถือเอา “ฤกษ์สะดวก” คือ ปลอดจากฤกษ์ไม่ดีทั้งหลายเป็นพอ


สินสอด – ทองหมั้น

เมื่อสองฝ่ายเห็นชอบกันว่ามีการแต่งงานเกิดขึ้น ฝ่ายชายจะแต่งเฒ่าแก่สู่ขอไปเจรจากับผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงถึงเรื่องสินสอดทองหมั้นและกำหนดวันแต่งงาน สมัยก่อนผู้ชายเป็นผู้ปลูกเรือนหอบนที่ของฝ่ายหญิงตามธรรมเนียม “แต่งเขยเข้าบ้าน” ก็จะมีการตกลงเรื่องนี้กันด้วย

ขันหมากหมั้น

ขันหมากหมั้น ตามธรรมเนียมไทยประกอบด้วยขันหมากและทองหมั้นซึ่งฝ่ายชายนำไปมอบให้ฝ่ายหญิงเป็นการแสดงเจตนาว่าจะแต่งงานกัน คนไทยสมัยก่อนชอบกินหมาก แขกไปใครมาก็ยกขันหมากอกมาต้อนรับ ขันหมากจึงมีความสำคัญในประเพณีแต่งงานไทย

ขันหมากหมั้นมักใช้ขันทอง เงิน นาก ถม ใส่หมากทั้งลูก ไม่เฉาะหรือเฉือน 8 ผล และพลู 4 เรียง จะมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้แต่นิยมจัดให้เป็นเลขคู่ ก้นขันหมากใส่ถุงบรรจุข้าวเปลือก ถั่วเขียว ข้าวตอกและงาดำอย่างละ 1 ถุง เป็นเคล็ดว่าให้คู่บ่าวสาวมีความเจริญงอกงาม บางบ้านอาจจะใส่แป้งข้าวหมากเอาเคล็ดว่าคู่แต่งงานจะทำการอะไรให้เฟื่องฟู พระยาอนุมานราชธนเขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “แต่งงาน” ว่าบางบ้านอาจจะใส่ดอกรักเด็ดจากช่อที่เป็นยอดลงไปด้วยเพราะมีชื่อเป็นมงคล

ของหมั้นตามประเพณีเดิมนิยมให้ทองรูปพรรณเพราะมีของมีค่าที่นำติดตัวไปไหน ๆ ได้ จึงเรียกกันติดปากว่า ทองหมั้นคู่กับสินสอด แม้ว่าความนิยมจะเปลี่ยนไปและเดี๋ยวนี้บางคู่ก็หมั้นกันด้วยแหวนเพชรวงเดียว ของหมั้นที่โบราณมักเรียกกันก็มีอาหาร ขนม ผลไม้ และน้ำตาลหมั้นเพื่อแจกจ่ายในหมู่ญาติเป็นประกาศให้รู้ว่าลูกสาวบ้านนี้มีผู้หมั้นหมายแล้ว

พิธีแต่งงาน

แก่นแท้ของพิธีแต่งงานไทย คือ การสู่ขอฝ่ายหญิงจากบิดามารดาและการรดน้ำอวยพรหรือผูกข้อมือแก่คู่บ่าวสาว ส่วนพิธีสงฆ์นั้นถือว่าเป็นสิริมงคลแก่คู่บ่าวสาว โดยถ้าไม่ตักบาตรเช้าก็มักนิมนต์พระมาสวดและถวายภัตตาหารเพล แล้วอาราธนาท่านปลุกเสกน้ำพระพุทธมนต์และทำมงคลคู่สำหรับพิธีรดน้ำด้วยพิธีเช้าเริ่มจากการตักบาตรร่วมกัน

สมัยก่อนทั้งสองฝ่ายจะนำข้าวและอาหารคาวหวานมารวมกัน แต่เพื่อความสะดวกฝ่ายหญิงจึงมีมักเป็นผู้เตรียมให้ จากนั้นฝ่ายหญิงเลี้ยงเพลพระ เมื่อใกล้เสร็จพิธี ฝ่ายหญิงจัดสำรับคาวหวานอย่างละสำรับเรียกว่า “ของเลื่อนเตือนขันหมาก” ไปยังบ้านเจ้าบ่าวเพื่อบอกให้รู้ว่าพิธีเช้าเสร็จสิ้น ให้ยกขันหมากมาได้

ขันหมากแต่ง

ประกอบด้วยขันหมากเอกและขันหมากเลวหรือขันหมากโท ขันผ้าไหว้สำหรับพ่อแม่ฝ่ายหญิงคู่หนึ่งและสำรับผ้าขาวสำหรับไหว้ผีปู่ย่าตายาย

ขันหมากเอกประกอบด้วยขันหมากบรรจุลูกหมาก พลูเรียงเหมือนขันหมากหมั้น โบราณให้รองก้นขันด้วยใบรักและใบสวาด แต่อย่างหลังนี้คงจะหาได้ยาก

ขันสินสอด บรรจุเงินสินสอดตามที่ตกลงกัน

ขันทุนสินหรือขันเงินทุนซึ่งทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างก็เตรียมไว้จำนวนเท่ากันเพื่อให้คู่บ่าวสาวใช้เป็นเงินทุนตั้งตัว ขันทุนสินนี้มักใส่เงินปลีกลงมาด้วยเอาเคล็ดว่าให้เงินจำนวนนี้งอกงามต่อไปและใช้เสี่ยงทายในพิธีสู่ขอด้วย

ทั้งขันสินสอดและขันทุนสินให้รองก้นด้วยข้าวเปลือก ถั่ว งา และใบไม้ดอกที่มีชื่อเป็นมงคลต่าง ๆ เช่น ใบเงิน ใบทอง ใบแก้ว ใบรัก ใบสวาด ดอกพุทธชาด ดอกบานไม่รู้โรย

ในหมู่ขันหมากเอกยังมีเตียบ ซึ่งเป็นพาชนะบรรจุอาหารทรงคล้ายตะลุ่ม ปากผาย มีฝาครอบ จัดเป็นคู่ ๆ บรรจุอาหารคาวหวาน ที่นิยมกันก็มี ไก่ หมู่ ห่อหมก ขนมจีน สองอย่างแรกเป็นของที่ใช้เซ่นไหว้ตามธรรมเนียมสองอย่างหลังมีความหมายดี เนื่องจาก “หมก” หมายถึง “รวม” และขนมจีนนั้นมีเส้นยาวเป็นเคล็ดว่าให้คู่บ่าวสาวรักกันนาน ๆ ของหวานที่นิยม มีฝอยทอง ขนมชั้นขนมกล้วย ขนมกง มะพร้าวอ่อนทั้งใบ กล้วย ส้มทั้งผล

สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือขันไหว้ผีใส่มะพร้าวอ่อน อ้อย และเหล้าทั้งขวด นอกจากนี้ยังมักจัดพานถัวงาสำหรับใช้ในพิธีสู่ขอขันหมากเลวหรือขันหมากโท (เลวหมายถึงสามัญ) จะจัดกี่คู่ก็ได้ บรรจุขนมต่าง ๆ เช่น ทองเอก ฝอยทอง ขนมจันอับของจีนหรือขนมเค้กแบบฝรั่ง แล้วแต่ความนิยม และผลไม้พื้นบ้าน เช่น กล้วย ส้ม มะพร้าวอ่อน

สมัยก่อนเจ้าบ่าวจะส่งขันหมากเลวมาล่วงหน้าก่อนวันแต่ง 1 วัน (วันสุกดิบ) เพื่อที่ฝ่ายเจ้าสาวจะได้นำอาหารนั้นมาเลี้ยงแขกในวันแต่งงานด้วย

พิธีรดน้ำ

เดิมทีเป็นพิธีซัดน้ำ โดยนิมนต์พระสงฆ์เป็นผู้ประพรม หรือ “ซัด” น้ำมนต์บนตัวแก่คู่บ่าวสาว ซึ่งมักว่ากันถึงเปียกปอนเลยทีเดียว ต่อมาจึงแปลงเป็นการให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายและแขกเหรื่อร่วมรดน้ำอวยพรแก่คู่บ่าวสาวแทน เครื่องใช้ในพิธีซึ่งฝ่ายเจ้าสาวต้องเตรียมได้แก่
  • โต๊ะหมู่บูชา ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ถ้าไม่สะดวกจะหันไปทิศอื่นก็ได้ ยกเว้นทิศตะวันตก ซึ่งถือว่าเป็นทิศของคนตาย
  • ธูป เทียน สำหรับจุดนมัสการพระพุทธ ใช้ธูป 3 ดอก เทียน 1 คู่ ยังไม่ต้องจุด
  • ตั่งรดน้ำ ปกติใช้ตั่งสำหรับคู่บ่าวสาวนั่งห้อยเท่าหรือพับเพียบและที่วางมือรับน้ำสังข์ ตั้งไว้ด้านซ้ายของโต๊ะหมู่บูชาห้ามไม่ให้วางหันไปทางทิศตะวันตกเช่นกัน หน้าตั่งวางขันน้ำหรือพานสำหรับรองรับน้ำสังข์
  • โต๊ะวางหม้อน้ำสังข์ สังข์ พานมงคลแฝด โถแป้งกระแจะสำหรับเจิมหน้าคู่บ่าวสาว มงคลแฝดนี้ปกติเจ้าภาพจะเตรียมสายสิญจน์แล้วนิมนต์ให้ประธานสงฆ์เป็นผู้ทำมงคล แต่พระบางรูปจำไม่รับนิมนต์ เจ้าภาพต้องตระเตรียมเอง ส่วนน้ำสังข์ จะใช้ “น้ำพระพุทธมนต์” ที่พระสงฆ์ปลุกเสกให้
  • มาลัยบ่าวสาว 1 คู่
เมื่อได้ฤกษ์ ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะนำคู่บ่าวสาวมาจุดธูปเทียนบูชาพระ เสร็จแล้วคู่บ่าวสาวขึ้นนั่งบนตั่งรดน้ำ ให้หญิงนั่งซ้าย ชายนั่งขวา จากนั้นผู้ใหญ่ที่เป็นประธานในพิธีกราบพระแล้วสวมมาลัยให้คู่บ่าวสาว สวมมงคลคู่ รดน้ำสังข์แล้วเจิมหน้าผากคู่บ่าวสาว

จากนั้นจึงเชิญแขกร่วมรดน้ำตามลำดับอาวุโส เมื่อเสร็จพิธี ประธานจะถอดมงคลพร้อมกล่าวอวยพรแก่คู่บ่าวสาว จากนั้นทั้งคู่จึงลุกจากที่พร้อม ๆ กัน แต่บางคนอาจถือเคล็ดว่าใครปลุกก่อนจะมีอำนาจเหนือกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง

พิธีปูที่นอน

นิยมเชิญคู่สามีภรรยาที่รักกัน มีลูกหลานสืบสกุลและเป็นคนดีมีศีลธรรมมาเป็นประธานเมื่อได้ฤกษ์ประธานจะไหว้พระสวดมนต์แล้วขึ้นนอนคู่กันบนที่นอนพอเป็นพิธี โดยอาจจะมีคำกล่าวเอาเคล็ดต่างๆ ร่วมด้วย เป็นต้นว่า “ที่นอนนี้ใครนอนเห็นจะเป็นสุขสบาย เจริญรุ่งเรือง ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง” ฯลฯ

เครื่องใช้ในพิธีปูที่นอนมีฟักเขียว 1 ผล หินบดยา 1 ลูก แมวสีขาว หม้อใหม่ใส่น้ำฝน และพานใส่ถั่วงาที่เหลือจากเคล้าทุนสิน ทั้งหมดนี้วางไว้ข้างที่นอนเอาเคล็ดว่าให้คู่บ่าวสาวในเย็นเหมือนฟัก หนักแน่นเหมือนหิน อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเหมือนแมว ให้อดกลั้น ถนอมน้ำใจกันอย่างโบราณว่า “น้ำขุ่นอยู่ใน น้ำใสอยู่นอก” และทำการใดให้งอกงามเหมือนถั่งงา

สมัยนี้ถ้าหาแมวไม่ได้หรือเกรงว่ามันจะไม่ยอมร่วมมืออาจจะใช้ตุ๊กตาแมวแทนก็ได้ และบางบ้านอาจจะนำกลีบดอกรัก กุหลาบ บานไม่รู้โรยมาโรยบนที่นอนอด้วยเพื่อให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวรักกันมาก ๆ

พิธีส่งตัว

พ่อแม่ฝ่ายหญิงจะพาเจ้าสาวมาส่งทีห้องหอ ให้โอวาทและอวยพรแก่ทั้งคู่ บางบ้านอาจจะให้ทำพิธีเกี่ยวก้อยตามแบบโบราณ โดยให้เจ้าสาวกราบเจ้าบ่าวแล้วเข้าไปอยู่หลังม่านในห้องหอ เจ้าบ่าวไหว้เฒ่าแก่ในพิธีแล้วจึงยื่นมือเข้าไปเกี่ยวก้อยกับเจ้าสาวในม่าน จากนั้นเฒ่าแก่จะให้เจ้าสาวกราบหมอนเจ้าบ่าวแล้วนอนลงทางฟากของตนก่อนเป็นเคล็ดให้เจ้าบ่าวเกรงใจเจ้าสาว เฒ่าแก่อาจจะสั่งสอนทั้งสองฝ่ายถึงหน้าที่สามีภรรยาก่อนจะลากลับ

วันนี้ เตรียมตัวก่อนแต่งงานด้วยคอร์สเจ้าสาว รับแพคเกจสปาราคาพิเศษ ก่อน 31 มี.ค. 53 นี้
ติดต่อ คุณอาภาภัทร มือถือ 08-4611-8815 อีเมล์ sales@baansingkham.com

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

มารู้จัก บ้านสิงห์คำ รีสอร์ท

โรงแรม บ้านสิงห์คำ เชียงใหม่ (บูติค โฮเทล) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ภายใต้ร่มเงาของต้นยางขนาดใหญ่ที่มีอายุกว่า 40 ปี ท่านจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมแบบไทยลื้อ และกลิ่นอายของธรรมชาติรอบตัว

บ้านสิงห์คำ จัดสร้างขึ้นตามลักษณะของอาคารในชนบทที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาประยุกต์ โดยใช้ไม้สักเก่าที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 40 ปี ตกแต่งภายในอย่างลงตัว จนเป็นจุดเด่นของอาคาร บ้านพักในแบบชนบทเชียงใหม่ สามารถรองรับการบริการได้ถึง 19 ห้อง โดยแยกย้ายไปตามบ้านพักแบบต่างๆ เรียงรายอยู่ห่างๆ กัน รอบๆ สนามหญ้าขนาดใหญ่ภายในขอบเขตของเนื้อที่กว่า 2 ไร่

บ้านพักแต่ละหลังจะมีชื่อเรียกตามภาษาล้านนา เช่น บ้านซอมพอ บ้านก๋องคำ เป็นต้น เริ่มแรกเพียงผ่านประตูทางเข้าหลัก ลมหายใจแห่งชีวิตจะถูกพลิกกลับทันที จากโลกดิจิตอลที่แข่งขันกับความเร็วแสง กลับสู่บรรยากาศของสังคมชนบท กลิ่นไอดิน ละอองหอมของแผ่นไม้ และอบอุ่นของบ้านพัก ผสมกลิ่นอ่อนๆ ของเกสรไม้ดอกต่างๆ สี ภายในขอบเขตของบ้านสิงห์คำ ซึ่งบรรจงจัดวาง และสร้างสรรค์ ให้บรรยากาศของชนบทแบบล้านนาปรากฏขึ้นใหม่ใน เมือง



ห่างจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่เพียง 15 นาที ใกล้ลำน้ำปิง ในเขตตำบลป่าตัน อำเภอเมืองนี่เอง

ราคาห้องพักรวมค่าบริการและอาหารเช้า
ประเภทห้องพัก
Standard Room พักเดี่ยวและพักคู่ ราคา 2000 บาท
Superior Room พักเดี่ยวและพักคู่ ราคา 2500 บาท
Deluxe Room พักเดี่ยวและพักคู่ ราคา 3000 บาท
Singkham Suite พักเดี่ยวและพักคู่ ราคา 5000 บาท

บริการรถรับ ส่ง สนามบิน สนามบิน - โรงแรม ท่านละ 200 บาท

ด่วน จองห้องพัก วันนี้ถึง 30 ก.ย. 52 รับห้องพักราคาพิเศษ และ Gift Voucher คอร์สสปา 1 คอร์ส ฟรี

ติดต่อ คุณอาภาภัทร
มือถือ 08-4611-8815 อีเมล์
sales@baansingkham.com

ชมภาพบรรยากาศ งานวิวาห์ Wararee & Stephan 27 พ.ย. 2550 ที่บ้านสิงห์คำ รีสอร์ท

งานฉลองวิวาห์หวานของคู่บ่าวสาว คุณหวาน-คุณสเตฟาน 27 พ.ย. 2550 ในบรรยากาศหรู ที่บ้านสิงห์คำ รีสอร์ท
เจ้าบ่าวเจ้าสาว คุณสเตฟานและคุณหวาน จูงมือกันผ่านประตู เข้าสู่งานเลี้ยงในยามค่ำคืน หวานชื่น

วันนี้ เตรียมตัวก่อนแต่งงานด้วยคอร์สเจ้าสาว รับแพคเกจสปาราคาพิเศษ ก่อน 31 มี.ค. 53 นี้

ติดต่อ คุณอาภาภัทร
มือถือ 08-4611-8815 อีเมล์ sales@baansingkham.com

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แต่งงานหรู สไตล์ล้านนา wedding Planer & Organizer At Chiangmai

All About wedding lanna At Chiangmai venue & Decoration บ้านสิงห์คำ

สถานที่จัดงาน ที่มีความเป็นไทย ผสมผสาน กับ ความคลาสสิค เนรมิตความฝัน ของคู่บ่าว-สาว ในการจัดงานแต่งงานในฝัน กลิ่นอายแห่งล้านนา ประดับดอกไม้ไทย ที่สามารถถ่ายทอดความงามตามธรรมชาติ ในสวนได้ลงตัว
จัดงานเลี้ยงแบบ 2 บรรยากาศในเวลาเดียวกัน อาหาร และ เครื่องดื่ม แบบไทย กาดมั่ว ดั้งเดิมล้านนา -แบบบุฟเฟต์ -แบบค๊อกเทล - แบบโต๊จีน-แบบยุโรบ อิ่มอร่อยประทับใจ หลากหลายเมนูที่ จัดเตรียมไว้ ก่อนปิดท้ายด้วย ผลไม้ ไอศครีม-รวมมิตร ขนมหวานไทยไทย เครื่องดื่ม - บาร์ค๊อกเทลจัดไว้บริการนานาชนิด ตามความต้องการ ตลอดงานเลี้ยง มีทั้งสมุนไพรไทยหอมหวานตะไคร้-อัญชัน-ลำไย-เก็กฮวย สำหรับผู้ไม่ดื่มแอลกฮอล์

ดนตรี แสง สี เสียง เพลงรักเพระๆ บรรเลงนุ่มนวล ทั้งเพลงไทย-สากล-พื้นเมือง ให้มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น วงดนตรีพื้นเมืองขับกล่อมสดๆ ชมการแสดง-รำไทย เติมแต่งอีกนิดด้วย แสง สี เสียง ตกแต่งสรรสร้างดอกไม้ ถูกสอดแทรกอย่าง กลมกลืนในทุกรายละเอียด ให้สวยงาม กลิ่นหอมดอกไม้ไทย ปล่อยโคมล้านนาบูชาสรวงสวรรค์ เราขอเป็นส่วนหนึ่งในวันพิเศษของคุณ

โดย บ้านสิงห์คำ รีสอร์ท

แต่งงานหรู สไตล์ ล้านนา แพคเกจ 85,000 บาท พร้อมพิธีหมั้น อาหาร คอกเทล จัดดอกไม้ แพคเกจสปา และห้องพักราคาพิเศษ

ติดต่อ คุณอาภาภัทร มือถือ 08-4611-8815 อีเมล์ sales@baansingkham.com

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ขนมมงคลไทย 9 อย่าง

ขนมมงคลไทย 9 อย่าง ที่ใช้ประกอบและถวายพระในพิธีแต่งงาน

1. ขนมชั้น ชื่อบอกว่า ชั้น หมายถึงการได้เลื่อนชั้น เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนยศฐาบรรดาศักด์ให้สูงขึ้น เพื่อความเป็นสิริมงคล นิยมทำขนมชั้นให้มี 9 ชั้น นิยมใช้ขนมสีแดง สีเขียว สีชมพู เพื่อความเป็นสิริมงคล

2. จ่ามงกุฎ มงกุฎ สื่อความหมายถึง อยู่ตำแหน่งสูง สง่าสงาม ขนมจ่ามงกุฎ เป็น ขนมโบราณของไทย ที่มีขั้นตอนทำยาก สลับซับซ้อน ปัจจุบันหารับประทานค่อนข้างยาก "จ่ามงกุฎ" หมายถึง อยู่ตำแหน่งสูงสุด เป็นหัวหน้าสูงสุด ซึ่งแสดงถึงความมีเกียรติยศ ชื่อเสียง สมัยก่อนนิยมให้เป็นของขวัญอวยพร เมื่อได้เลื่อนยศ หรือ เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงาน อวยพรเพื่อให้ได้รับตำแหน่ง หน้าที่การงานสูงขึ้นยิ่ง ๆ ไป ขนมจ่ามงกุฎ มีความเป็นสิริมงคล จึงนิยมใช้ประกอบเครื่องคาวหวานในงานแต่งงาน3. ทองเอก ขนมทองเอก ขนมไทยโบราณ มีขั้นตอนการทำที่ต้องใช้ความพิถีพิถัน นิยมใช้สำหรับเป็นขนมอวยพรเมื่อได้รับการเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง หน้าที่การงาน ขนมทองเอก มีลักษณะพิเศษคือ ด้านบนของขนม มีทองคำเปลวติดอยู่ด้านบน


4. ทองหยิบ ขนมไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล ขั้นตอนการทำขนมต้องใช้ความพิถีพิถัน ในการจับจีบขนมเพื่อให้เป็นกลีบเหมือนดอกไม้ เมื่อเสร็จจะดู สดงามคล้ายกับดอกไม้สีทอง นิยมใช้ในงานพิธีมงคล หรือให้เป็นขนมอวยพร เพื่อสื่อความหมายถึง ขอให้ร่ำรวย มั่งคั่ง มีเงินมีทองใช้ไม่รู้จักหมด การให้ขนมทองหยิบ ประดุจเหมือนการให้ ทองคำ


5. ทองหยอด ขนมไทยที่มีมาแต่โบราณกาล มีลักษณะเหมือน หยดน้ำ สีเหลืองเหมือนทอง โบราณให้เป็นขนมอวยพร หมายถึง ให้ร่ำรวย มีเงิน มีทอง6. เสน่ห์จันทร์ ต้นจันทร์ ต้นไม้ชนิดหนึ่ง มีลูกผลสีเหลือง เมื่อสุกจะมีเหลืองเปล่งปลั่ง มีกลิ่นหอม ชวนให้สูดดม ดังนั้นคนโบราณ จึงได้นำมาประยุกต์ ทำขนม โดยปั้นให้เป็นลูกกลมสีเหลือง เหมือนผลของลูกจันทร์ และ ใส่ผลจันทร์ป่น เพื่อจะได้มีกลิ่นหอม เหมือนกับ ผลจันทร์ เรียกขนมนี้ว่า "ขนมเสน่ห์จันทร์" ใช้ชื่อว่า เสน่ห์จันทร์ เพื่อความเป็นสิริมงคล สื่อความหมายถึง เป็นที่รัก มีเสน่ห์ ไปไหนมีแต่คนรัก
7. ฝอยทอง ลักษณะฝอยทอง เป็นเส้น ๆ พันกันเป็นทบ ๆ โดยเชื่อว่า ให้ทำขนมฝอยทองเป็นเส้นยาว ๆ ห้ามตัด หมายถึง เพื่อที่คู่บ่าว-สาว จะได้ครองรัก ครองเรือน มีชีวิตยิ่งยืน อายุยืนยาวเหมือนเส้นฝอยทอง
8. เม็ดขนุน มีความเชื่อว่า ชื่อของเม็ดขนุน หมายถึง มีคนช่วยสนับสนุน ค้ำจุนในหน้าที่การงาน การดำเนินชีวิต หรือ กิจการใด ๆ ที่กระทำอยู่

9. ขนมถ้วยฟู เป็นขนมที่มีกลิ่นหอม นิยมใช้ประกอบในงานพิธีมงคล ต่าง ๆ ในงานพิธีแต่งงาน เชื่อว่า ขนมถ้วยฟู สื่อถึง ความเป็นสิริมงคลในชีวิต ความเจริญก้าวหน้า รุ่งเรื่อง ชีวิตจะได้เฟื่องฟูเหมือนขนมถ้วยฟู


Wedding Garden Lanna Style, Boutique Resort At Chiang-Mai Thailand
http://www.baansingkham.com/

โดย บ้านสิงห์คำ รีสอร์ท